Willow Labyrinthe (คุย | ส่วนร่วม) (หน้าที่ถูกสร้างด้วย 'ประวัติศาสตร์คิเมร่า แบ่งออกได้ทั้งหมดสี่ยุค คื…') |
Boboverlord (คุย | ส่วนร่วม) (Adding categories) |
||
บรรทัดที่ 27: | บรรทัดที่ 27: | ||
{{โครง}} |
{{โครง}} |
||
+ | [[หมวดหมู่:บทความ]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:43, 2 มกราคม 2553
ประวัติศาสตร์คิเมร่า แบ่งออกได้ทั้งหมดสี่ยุค คือยุคแรก (ยุคเริ่มต้น) ยุคที่สอง (ยุคตกต่ำ) ยุคที่สาม (ยุคเปิดเผยตัว หรือยุคอะโพคาลิปส์) และยุคที่สี่ (ยุคปัจจุบัน หรือยุคฟื้นฟู)
ยุคแรก
คิเมร่าอพยพมาถึงดาวโลกเมื่อ 8000 ก่อนคริสตกาลเนื่องจากดาวแม่ถูกทำลาย และเข้ามาสร้างอารยธรรมที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าต่างๆในโลก โดยลงหลักปักฐานที่แอตแลนติสเป็นที่แรกและเริ่มเดินทางไปทวีปต่างๆเพื่อสอนมนุษย์ให้รู้จักการทำปฏิฑิน การก่อสร้าง สถาปัตยกรรมที่เหมาะกับสภาพภูมิประเทศและอากาศ
การเดินทางของคิเมร่านั้น จะใช้ยานพาหนะที่มีรูปร่างคล้ายเรือดำน้ำ (ดังที่มีการแกะสลักภาพไว้บนพีระมิดของชาวมายัน) อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้เทพเจ้าต่างๆของชาวอียิปต์อีกด้วย แต่เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อชาวคิเมร่าชั้นสูงรู้ตัวว่าจะเกิดภัยพิบัติ จึงพากันอพยพออกจากโลกอีกครั้ง (ถึงแม้จะมีบางส่วนที่ย้ายถิ่นฐานไปยังดินแดนกรีกโบราณ) และปล่อยให้ชาวคิเมร่าจำนวนหนึ่งพร้อมกับทวีปแอตแลนติสถูกทำลาย
ยุคที่สอง
หลังจากการล่มสลายของแอตแลนติส คิเมร่าที่เหลืออยู่ก็ต้องหลบซ่อนและแฝงตัวอยู่ในหมู่มนุษย์ แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่าง แต่ด้วยสติปัญญาและความสามรถพิเศษทางจิตที่มีอยู่เดิม ทำให้คิเมร่าได้รับการยอมรับในหมู่มนุษย์ส่วนใหญ่ในฐานะนักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
ต่อมาตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1200 จึงเริ่มเข้าสู่ยุคมืด ผู้คนเริ่มหวาดกลัวความสามารรถของคิเมร่าและเข้าใจว่าเป็นแม่มด จึงมีการออกล่าแม่มดครั้งใหญ่จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 50000 คน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
จากนั้นคิเมร่าจึงต้องหลบซ่อนและปกปิดสถานะที่แท้จริงของตนเรื่อยมา แต่ก็มีการเริ่มจับมนุษย์มาสะกดจิตและนำมาเป็นทาสบ้างแล้วตั้งแต่ช่วงศตวรรศที่ 19 เป็นต้นมา
ยุคที่สาม
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2174 เกิดการสู้รบแย่งชิงทรัพยากรต่างๆบนโลก ระบบรัฐล่มไปและกลายเป็นยุคมืดขึ้นมาอีกครั้ง โดยเป็นช่วงที่มนุษย์อ่อนแอ คิเมร่าเห็นว่าเป็นการดีจึงเริ่มทำสัญญากับมนุษย์โดยยังคงปกปิดตัวตนอยู่ และยอมแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาของตนกับทรัพยากรต่างๆของมนุษย์ แล้วทั้ง 2 ฝ่ายก็ยอมตกลงแบ่งการปกครองฝ่ายละครึ่ง แต่จะไม่เป็นระบอบที่เผด็จการอีก
เพื่อการฟื้นฟูอารยธรรมที่เร็วที่สุด พวกคิเมร่าก็เสนอ "เทคโนโลยีจินตภาพ" ขึ้นมา ด้วยเทคโนนี้ จะทำให้มนุษย์ดึงภูมิปัญญาจากอดีตมาได้ทั้งหมด และเริ่มลองให้ประชาชนทั่วไปซึ่งมีฐานะสูงขึ้นมาได้ใช้กัน โดยที่ตอนแรก เทคโนโลยีนี้ยังไม่ก่อผลอะไรมากนักจนทำให้มนุษย์ตายใจ จนเมื่อมนุษย์เริ่มแสดงความสนใจเยอะเข้า คิเมร่าก็ได้เริ่มแผนสะกดจิตผ่านพวกอุปกรณ์ต่างๆจนกระทั่งหัวหน้าของฝ่ายมนุษย์รู้ตัวจึงประกาศสงครามกัน ประกอบกับช่วงนี้มนุษย์ได้ให้กำเนิดแอนดรอยด์ขึ้นมาพอดี และเพราะมีแอนดรอยด์ ที่คิเมร่าทำอะไรแทบไม่ได้ มนุษย์จึงชนะสงครามในที่สุด และบีบให้คิเมร่ากลายเป็นชนชั้นล่างไป
เนื่องจากความทระนงในเชื้อชาติเดิม ชาวคิเมร่าจึงตัดสินใจที่จะเขียนประวัติศาสตร์ของช่วงเวลานี้โดยตั้งชื่อว่า ‘ยุคอะโพคาลิปส์’ ซึ่งมีความหมายว่าการเปิดเผย (revealation) ในภาษากรีก มิใช่หายนะ หรือภัยพิบัติอย่างที่หลายคนเข้าใจ
กระนั้น คำว่า apocalypse ที่ชาวคิเมร่าใช้นั้นอาจจะหมายความว่าจุดจบของยุคสงครามสงครามก็ได้
หลังจากสงครามจบในปี 2200 แล้ว มนุษยชาติก็เริ่มใช้ศักราชใหม่ โดยเริ่มนับเป็นปี 0000
ยุคที่สี่
ยุคปัจจุบัน คิเมร่ากลายเป็นชนชั้นล่างสำหรับ 'โลกใหม่' และด้วยสถานะที่ต่ำต้อยนี้เอง คิเมร่าจึงยังไม่เป็นที่ยอมรับจากแอนดรอยด์และมนุษย์บางกลุ่ม
ประวัติศาสตร์คิเมร่า เป็นบทความที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือจัดเข้าหมวดหมู่ คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์คิเมร่า ในความหมายอื่นหรือมาจากแหล่งที่มาอื่น อาจสามารถช่วยเขียนเพิ่มเติมอธิบายได้ |