False Awakening Wiki
Advertisement

คำศัพท์เชิงเทคนิค (Technical term, terminology) และคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ (Scientifical explanation) ของสิ่งที่ใช้ในโปรเจคต์ มีดังนี้

Terminology[]

เทคโนโลยีจินตภาพ[]

  • Gate in/ Gate out หมายถึงการเข้าสู่/ออกจากยูโทเปีย โดยทั่วไปต้องใช้อุปกรณ์ (ปลั๊ก) เสมอ
  • i2 คือค่าตัวเลขที่วัดระดับความทรงพลังของจิตใจของคนใดคนหนึ่ง มาจากค่าว่า Imagination Intensity ค่านี้มีผลอย่างมากเมื่ออยู่ในโลกยูโทเปีย ยิ่งมี i2 มาก ก็จะสามารถฝืนกฎบางประการในยูโทเปียได้ ในโลกความจริงค่า i2 จะไม่ถือว่าส่าคัญโดยตรง แต่จะบ่งบอกถึง ระดับสมาธิและความต้านทานต่อมลภาวะทางจิต ค่าโดยเฉลี่ยของมนุษย์ทั่วไป อยู่ที่ i2 = 100
  • CODE ความสามารถพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง มาจาก Capacity Of Data Exportation หมายถึง การดึงข้อมูลหรือวัตถุจากโลกจินตภาพมาสู่โลกความจริงได้ (เช่น เสกแอปเปิ้ลจากความคิดตัวเอง) มีมนุษย์ไม่กี่คนที่ใช้ CODE ได้ แต่จะพบความสามารถนี้ในเผ่าคิเมร่าได้ง่ายมาก การใช้ CODE ท่าให้ค่า i2 ลดลงชั่วขณะและมีผลต่อพละก่าลังในทางกายภาพด้วย หากใช้เกินขนาด ก็จะสิ้นชีวิตทันที อนึ่ง ความสามารถนี้หมายถึงการส่งข้อมูลจากยูโทเปียไปสู่เอนโทรเปียเท่านั้น การวัดระดับความแข็งแกร่งของ CODE จะวัดจากค่าซิงโครไนซ์ ดังที่จะอธิบายต่อไป
  • Synchronizing Rate หรือค่าซิงโครไนซ์ เป็นการวัดระดับว่าแต่ละคนใช้ CODE ได้ดีเพียงใด โดยคิดเป็นเปอร์เซนต์ เช่น ถ้าคนนึงมีค่าซิงโครไนซ์ 1% แปลว่า ในยูโทเปีย เขาสามารถจินตนาการภาพ “ไฟ” ที่ร้อนแรงและสมจริงได้ถึง 10000 องศาเซลเซียส แต่เมื่อเขาใช้ CODE ในโลกความจริง เขาจะสามารถดึงไฟออกมาได้แค่ 100 องศาเซลเซียสเท่านั้น
  • CODEmaster หมายถึงคิเมร่าพิเศษที่สามารถใช้พลัง CODE ได้อย่างทรงพลังมาก อาจจะหมายถึงคนที่มีค่า i2 หรือซิงโครไนซ์สูง โค้ดมาสเตอร์แต่ละคนสามารถใช้พลังสูงสุดเพื่อท่าลายเมืองเล็ก ๆ ได้ครึ่งค่อนเมือง แต่บุคคลเหล่านี้มีจ่านวนน้อยมาก
  • Mentally Lethal Effect (MLE) หมายถึง การเสียชีวิตในโลกความจริงที่มีสาเหตุเกิดอยู่ในยูโทเปีย เช่น การถูกท่าลายจิต
  • Hyperspace คือมิติก่าแพงที่คอยแบ่งกั้นโลกความจริงกับโลกจินตภาพไว้ ซึ่งการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างโลกความจริงกับโลกจินตภาพจะล้มเหลวถ้าไม่ใช้เพลังงานเพียงพอในการเปิดไฮเปอร์สเปซ เรายังสามารถเดินทางผ่านไฮเปอร์สเปซได้ด้วยการวาร์ป (Warp) หรือการคมนาคมด้วยความเร็วมากกว่าแสง
  • GHOST แปลง่าย ๆ ว่าผีนั่นเอง แต่ในยุค IC โกสต์ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น ด้วยการรวบรวมพลังงาน i2 จากคนตายที่จิตแข็งแกร่ง แล้วน่ามาดัดแปลงให้เป็นทาสไร้จิตใจ ที่จะมีตัวตนอยู่ในโลกจินตภาพเท่านั้น โกสต์มีเป็นจ่านวนน้อย และส่วนมากถูกสร้างขึ้นมากกว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

เทคโนโลยีอื่นๆ[]

  • Nanomachine หรือ Nanite เป็นเทคโนโลยีที่นักวิทยาศาสตร์ในยุคไอทีใฝ่ฝันไว้ นาไนต์ คือจักรกลขนาดเล็กเท่าเซลล์หรือไวรัสที่สามารถท่างานได้อย่างอิสระภายใต้การควบคุมของมนุษย์ สามารถใช้เป็นทั้งยารักษาสารพัดโรคได้ หรือจะเป็นอาวุธท่าลายล้างได้เช่นกัน ในยุค IC นาไนต์ถูกใช้เป็นยารักษาโรค และใช้เป็นองค์ประกอบพื้นฐานในแอนดรอยด์ เช่นเดียวกับเซลล์ของมนุษย์
  • Artificial Intelligence หรือ AI คือนวัตกรรมที่ท่าให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์มีสติปัญญาใกล้เคียงมนุษย์มากยิ่งขึ้น ซึ่ง AI มีเทคโนโลยีหลายระดับ แต่ส่าหรับยุค IC จะใช้ระดับ Genetic Programming คือตัวซอฟต์แวร์สามารถออกแบบและเขียนซอฟต์แวร์ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ ท่าให้ซอฟต์แวร์นี้สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้
  • Quantum Computer คอมพิวเตอร์สมัยใหม่ที่ใช้หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ที่เล็กระดับไม่กี่โมเลกุล แต่สามารถประมวลผลได้ดีกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 1000 เท่า (โดยทั่วไปจะมากกว่าล้านเท่า) โดยใช้หน่วยความจ่าชื่อ คิวบิต (Qubit) ซึ่งแทนด้วยค่า 0 หรือ 1 หรือทั้ง 2 ค่าพร้อมกัน
  • aster-Than-Light Network (FTLN) คือระบบอินเทอร์เน็ตในยุค IC (ยุคไอทีคือ ADSL) ที่วางรากฐานผ่านโลกจินตภาพ ท่าให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วที่มากกว่าแสงได้ ในอนาคตนี้จะน่ามาพัฒนาผสมกับเทคโนโลยี Warp Drive เพื่อสามารถสร้าง Network Teleportation หรือการขนส่งวัตถุชั่วพริบตาได้อย่างอิสระ
  • Warp Drive คือเทคโนโลยีการขนส่งด้วยความเร็วสูงมาก การวาร์ปไม่ใช่ศัพท์ใหม่ มีคนคิดค้นทฤษฎีการวาร์ปมานับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 โดยใช้แนวคิดที่ว่า “มีจุด 2 จุดบนกระดาษ 1 แผ่น ทาอย่างไรให้เคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งด้วยระยะทางสั้นที่สุด” ค่าตอบนั้นไม่ใช่การเดินทางเป็นเส้นตรงจากจุด A มาจุด B แต่เป็นการพับกระดาษให้ทั้งสองจุดประกบกันต่างหาก การตีความแนวคิดนี้ แปลได้ว่า เทคโนโลยีการขนส่งสมัยใหม่ จะไม่ใช่การออกแบบให้ยานเคลื่อนที่เร็วที่สุด แต่จะท่าอย่างไรให้มิติเวลาเป็นฝ่ายผลักเราให้เข้าถึงเป้าหมายเองมากกว่า การพับมิติเวลานี้จะเรียกว่าการวาร์ป และจะถือว่าเป็นการเดินทางอ้อมผ่านไฮเปอร์สเปซ (เปรียบเทียบคือ เป็นช่องว่างของอากาศตอนที่คุณพับกระดาษเพื่อจะท่าให้จุดสองจุดแตะกัน) หากคุณอยู่และลองมองภายนอกจากในยานที่ก่าลังอยู่ในระหว่างการวาร์ป นั่นหมายถึงคุณก่าลังมองก่าแพงแห่งไฮเปอร์สเปซอยู่ (นึกถึงพื้นที่รอบ ๆ เครื่องไทม์แมชชีน ในเรื่องโดราเอม่อน)
  • Powered Exoskeleton ชุดเกราะเสริมพลังที่ผู้สวมใส่จะลดการใช้พละก่าลังในการยกสิ่งของหรือการกระท่าอื่น ๆ ได้อย่างมาก ถูกออกแบบมาทั้งเพื่อใช้ในพลเรือน คือให้ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น หรือใช้ในการทหาร คือใช้เป็นชุดสูทส่าหรับการสู้รบโดยเฉพาะ
  • Antimatter หรือปฎิสสาร หมายถึงมวลสารที่มีความเป็น “ด้านตรงข้าม” กับสสารทั่วไป ถ้าสสารใดมีประจุบวก ปฎิสสารของสสารนั้นก็จะมีประจุลบ แล้วเมื่อทั้งปฎิสสารและสสารมาสัมผัสกัน ก็จะท่าลายกันเอง และปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่พลังงานมหาศาล ปฎิสสารในยุค IC จะใช้ประยุกต์ในรูปแบบแบตเตอรี่ หรือแม้กระทั่งอาวุธสงคราม ซึ่งให้พลังท่าลายมากกว่าระเบิดนิวเคลียร์ เนื่องจากสสารเปลี่ยนเป็นพลังงานโดยตรงจากสูตร E=mc² การเก็บรักษาต้องเก็บรักษาต้องเก็บไว้ในสุญญากาศสัมบูรณ์ หรือพื้นที่ที่ควบคุมด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อไม่ให้ปฎิสสารได้สัมผัสกับวัตถุ
  • Parallel Dimension หรือมิติคู่ขนาน เป็นมิติที่กล่าวถึงในนิยายอยู่บ่อยครั้ง โลกคู่ขนานไม่ถือว่าเป็นสิ่งเดียวกับโลกจินตภาพ สิ่งที่อยู่ในโลกคู่ขนานถือว่าเป็นความจริงในทางกายภาพเช่นเดียวกัน หากแต่อาจจะมีกฎเกณฑ์แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย หากในโลกคู่ขนาน มีดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับมนุษย์ ประวัติศาสตร์และการด่ารงอยู่ในโลกคู่ขนานอาจจะไม่มีสิ่งใดเหมือนในโลกของเราก็ได้ แนวคิดโลกคู่ขนานอาจแบ่งได้ 2 แบบ แบบแรกคือโลกคู่ขนานที่เคยเป็นโลกเดียวกันกับเรา เช่น โลก A คือโลกที่ฮิตเลอร์ได้เป็นหัวหน้าพรรคนาซี และโลก B คือโลกที่ฮิตเลอร์ที่ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคนาซี กับแบบที่สองคือโลกคู่ขนานที่อยู่คนละจักรวาล คือกฎเกณฑ์และประวัติศาสตร์จากต่างจากจักรวาลของเราไปเลย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พหุภพ (Multiverse) หรือความคิดที่ว่าจักรวาลมีหลายจักรวาล

ในยุค IC มนุษย์ยังไม่สามารถไปยังโลกคู่ขนานได้อย่างอิสระเนื่องด้วยยังไม่สามารถควบคุมความปลอดภัยได้ และอีกสาเหตุคือ โลกคู่ขนานมีจ่านวนมากเกินไป เช่น การทอดลูกเต๋า คุณอาจจะ ทอดได้เลข 1 หรือคุณอาจจะทอดลูกเต๋าได้เลข 2 พอคุณทอดลูกเต๋าได้แล้ว รู้ว่าได้เลข 1 อนาคตคุณก็จะเป็นไปตามลูกเต๋าหน้าที่คุณทอดได้เลข 1 แต่ถ้าคุณทอดได้ 6 อนาคตคุณก็จะเป็นไปตามที่ทอดได้6 ระหว่างที่คุณทอดและลูกเต๋าอยู่ใน ถ้วย คุณครอบอยู่ คุณไม่มีทางรู้ว่าลูกเต๋าเป็นอะไร ทุกครั้งที่คุณเปิดคือ คุณก่าลังเลือกช้อยส์ (ตัวเลือก) ซึ่งตามทฤษฎีในกรณีนี้จะมีโลกคู่ขนาน อยู่ 6 โลก ถ้าคุณเลือกได้เลขหนึ่งตัวคุณก็อยู่ในโลกหนึ่ง โดยที่เราไม่ สามารถติดต่อกับโลกคู่ขนานอื่นๆ ได้เลย และโลกคู่ขนานแบบนี้ก็เกิดขึ้นตลอดเวลา


โครง คำศัพท์เชิงเทคนิค เป็นบทความที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือจัดเข้าหมวดหมู่ คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ คำศัพท์เชิงเทคนิค ในความหมายอื่นหรือมาจากแหล่งที่มาอื่น อาจสามารถช่วยเขียนเพิ่มเติมอธิบายได้
Advertisement